ว่าที่ร้อยตรีไพโรจน์ สุวรรณฉวี (24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 - 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา และแกนนำกลุ่มโคราช พรรคเพื่อแผ่นดิน
ไพโรจน์ สุวรรณฉวี เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 ที่เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของนายจำรัส กับนางสำเภา สุวรรณฉวี สมรสกับร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี มีบุตรชาย 3 คน คือ พลพีร์ สุวรรณฉวี พีรพร สุวรรณฉวี และณัฐวัชร์ สุวรรณฉวี
ไพโรจน์ สุวรรณฉวี สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีรัฐศาสตรบัณฑิต และปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2517 ตามลำดับ
ไพโรจน์ สุวรรณฉวี เริ่มรับราชการในสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จนได้รับตำแหน่งนายอำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ในปี พ.ศ. 2529 และตำแหน่งนายอำเภอเขาย้อย อำเภอท่ายาง อำเภอเมืองสระบุรีเป็นอำเภอสุดท้าย จึงได้ลาออกมาสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2535 สังกัดพรรคสามัคคีธรรม ต่อมาในการเลือกตั้งเดือนกันยายน พ.ศ. 2535 จึงได้ย้ายมาสังกัดพรรคชาติพัฒนา เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม 16 และย้ายมาสังกัดพรรคชาติไทย ในปี พ.ศ. 2538 ซึ่งไพโรจน์ สุวรรณฉวี เป็นหนึ่งในแกนนำที่ต่อต้านรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ในเรื่อง สปก.4-01 จนต่อมาไพโรจน์ สุวรรณฉวี ได้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา
ต่อมาได้ย้ายมาสังกัดพรรคความหวังใหม่ และรับตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค จนกระทั่งได้มีการยุบรวมเข้ากับพรรคไทยรักไทย ในปี พ.ศ. 2544 และไพโรจน์ สุวรรณฉวี ก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยด้วย
ไพโรจน์ สุวรรณฉวี เป็นนักการเมืองที่มีบทบาทในการสนับสนุนพรรคเพื่อแผ่นดิน หลังการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2550 และมีส่วนในการผลักดันให้ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ภรรยา เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ในการจัดตั้งของรัฐบาลซึ่งนำโดยพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2551 ไพโรจน์ สุวรรณฉวี เป็นบุคคลหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการนำสมาชิกในกลุ่มให้การสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นหนึ่งในสามบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ ในนาม "3พี" (ไพโรจน์ สุวรรณฉวี พินิจ จารุสมบัติ และปรีชา เลาหพงศ์ชนะ)
ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 15.50 น. ด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สิริอายุได้ 61 ปี ซึ่งหลังการเสียชีวิตแล้ว ทางครอบครัวมิได้เปิดเผยจึงทำให้เกิดเป็นข่าวลือต่าง ๆ จนในที่สุดในวันที่ 10 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ทางโฆษกพรรคเพื่อแผ่นดินได้แถลงยอมรับถึงการเสียชีวิตว่าเป็นความจริง